Message Battle Heats Up in Thai Crisis
May 2, 2010
By THOMAS FULLER
ที่มา – The New York Times
แปลและเรียบเรียง – แชพเตอร์ ๑๑
กรุงเทพ – ผู้ติดตามละครหลังข่าวเวลานี้มีทางเลือก: จะติดตามการแสดงสุดเวอร์ และบทละครที่เรียกน้ำตาท่วมจอจากละครอย่าง “เพชรในตม” หรือจะอ่านข่าวตัววิ่งผ่านหน้าจอทีวีจากฝ่ายรัฐบาล
“คนไทยรักสันติ แต่เมื่อยามศึก เราไม่มีความกลัว” เป็นหนึ่งในหลายสิบข้อความที่ยุแหย่ให้ประชาชนต่อต้านกลุ่มเคลื่อนไหวประท้วงซึ่งทำให้ส่วนหนึ่งของกรุงเทพเป็นอัมพาตมานานกว่าเจ็ดอาทิตย์
“บางครั้งคนไทยต้องต่อสู้กับคนไทยที่เลวชาติเช่นกัน” เป็นอีกหนึ่งข้อความ
วิกฤติการเมืองของประเทศไทยที่กำลังแสดงออกบนท้องถนน โดยฝ่ายผู้ประท้วงต่อต้านรัฐบาล ซึ่งเรียกร้องให้มีการเลือกตั้งใหม่ กำลังปกป้องป้อมค่ายอันแข็งแกร่งในใจกลางย่านศูนย์การค้า แต่การต่อสู้ทางการเมืองยังออกทั้งทางทีวี เฟสบุ้ค สถานีวิทยุชุมชน และห้องแชททางอินเตอร์เน็ต
หลังจากการปราบปรามที่ล้มเหลวต่อฝ่ายที่เรียกกันว่าผู้ประท้วงเสื้อแดงเมื่อเดือนที่แล้ว รัฐบาลของนายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ดำเนินการรณรงค์สองช่องทางเพื่อหวังที่จะทำลายการสนับสนุนการเคลื่อนไหว รัฐบาลกระหน่ำการประชาสัมพันธ์ด้านข่าวสาร ในขณะเดียวกันก็พยายามปิดสื่อฝ่ายตรงข้าม ซึ่งแผนนั้นกลับกลายเป็นการส่งผลร้ายพลิกความคาดหมายในบางส่วนของประเทศ
ตัววิ่งหน้าจอทีวีที่เคลื่อนที่อย่างสม่ำเสมอจากการถ่ายทอดของสถานีโทรทัศน์ของรัฐบาล ซึ่งเริ่มปฏิบัติการณ์เมื่อเดือนมีนาคม โดยสร้างเรื่องว่าผู้ประท้วง “มีเจตนาร้าย” กำลังทำร้ายประเทศชาติ และควรจะกลับบ้านกันได้แล้ว และพร้อมกับโฆษณาอ้อนวอนให้ “คนไทยควรรักกัน เพราะอาศัยบนผืนแผ่นดินเดียวกัน”
ในขณะเดียวกันรัฐบาลปิดสถานีโทรทัศน์ของฝ่ายตรงข้าม และปิดเว็บไซต์อย่างน้อย ๔๒๐ เว็บ ซึ่งเป็นแนวร่วมเดียวกับกลุ่มเคลื่อนไหวเสื้อแดง
ทางการยังได้กล่าวหาคนเสื้อแดงว่าพยายามที่จะล้มเจ้า ข้อกล่าวหาอุกฉกรรจ์ซึ่งแกนนำฝ่ายประท้วงให้การปฏิเสธ
ในการให้สัมภาษณ์รายการ ผู้สื่อข่าวต่างประเทศ (Foreign Correspondents) เมื่อวันอาทิตย์ อภิสิทธิ์พูดเป็นนัยว่ารัฐบาลพยายามที่จะปิดสถานีวิทยุชุมชน ซึ่งขยายเครือข่ายอย่างรวดเร็วไปทั่วประเทศภายในไม่กี่เดือนมานี้ โดยเฉพาะในฐานเสียงเสื้อแดงที่หนาแน่นในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
อภิสิทธิ์กล่าวหาว่าสถานีวิทยุดังกล่าวนั้น “เป็นศูนย์บัญชาการ” ของคนเสื้อแดง และเป็นตัว “ประสานงาน” สร้างความวุ่นวาย
อภิสิทธิ์กล่าวว่า “เราพยายามรักษาความเป็นระเบียบ” “ผมจะไม่พูดล่ะว่า ไม่อนุญาตให้สื่อใดๆทำการโจมตี หรือแสดงความเห็นต่อฝ่ายตรงข้าม แต่ที่แน่นอนคือ จะไม่ยอมให้สื่อใดเข้ามามีบทบาทในการกระตุ้นให้กระทำความรุนแรง”
นายกฯยังกล่าวต่ออีกว่า เขาจะไม่ยกเลิกมาตรการการใช้กำลังเพื่อยุติการคุมเชิงกันในกรุงเทพ เขากล่าวว่า “ขณะนี้เรากำลังอยู่ในระหว่างขั้นตอนที่จะตัดกำลังสนับสนุน และเข้าคุมพื้นที่ก่อนที่เราจะเคลื่อนกำลังเข้าไปปราบอย่างจริงๆ”
แต่การปราบปรามดูเหมือนจะไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากการเสียชีวิต ๒๕ คน และบาดเจ็บมากกว่า ๘๐๐ คน ในความพยายามสลายผู้ประท้วงอย่างไร้ประสิทธิภาพเมื่อวันที่ ๑๐ เมษายน
อภิสิทธิ์กล่าวเมื่อวันอาทิตย์ว่า เขายังคงมีความอดทน และ “ทางออกที่ดีที่สุด คือวิธีที่ปราศจากความรุนแรง หรือการเผชิญหน้า หรือความขัดแย้ง” ผู้ช่วยของเขากล่าวว่า อีกไม่นานนายกฯจะเสนอ “แผนที่เส้นทางทางการเมือง” ซึ่งจะเป็นการนำไปสู่ความสมานฉันท์ให้กับประเทศไทยหลังจากความวุ่นวายมาถึงสี่ปี
ยุทธวิธีโดยรวมของรัฐบาลดูเหมือนจะสร้างภาพให้ผู้ประท้วงเหมือนปีศาจ และหวังจะหันเหความเห็นของสาธารณะให้ต่อต้านผู้ประท้วง ซึ่งต้องใช้เวลานานนับเดือนที่จะเห็นผล อภิสิทธิ์ และคณะที่ปรึกษาของเขากล่าวหาผู้ประท้วงว่า “เป็นผู้ก่อการร้าย”
จนถึงวันนี้ การรณรงค์ประชาสัมพันธ์มีผลหลายนัยยะ ในกรุงเทพ ความไม่พอใจทวีเพิ่มขึ้นจากการกีดขวางถนน และการบุกโรงพยาบาลเมื่ออาทิตย์ที่แล้วของคนเสื้อแดง สร้างความตระหนกให้กับแผนกต่างๆของโรงพยาบาล แต่ยังมีความไม่พอใจอย่างหนักที่รัฐบาลไม่สามารถขับไล่ผู้ประท้วงได้
ยนต์ กล่อมแกล้ว ผู้จัดการบริษัทวิเคราะห์การตลาดแห่งหนึ่งในกรุงเทพกล่าวว่า “รัฐบาลดีแต่สร้างภาพทางทีวี แต่ไม่มีใครออกมาทำอะไรเพื่อแก้ปัญหาเหล่านี้”
วันอาทิตย์ หน้าเฟสบุ้คของนายกฯ มีการแสดงความเห็นนับพัน ส่วนใหญ่ให้การสนับสนุน; “สู้ สู้!” เป็นเสียงลูกคู่ในการขานรับ แต่มีการวิจารณ์เช่นกัน อัญพร ตันศิริคงกุล ให้ความเห็นว่า “บางครั้ง แค่คำพูดอย่างเดียว ไม่เพียงพอ”
ในจังหวัดต่างๆ โดยเฉพาะฐานเสียงเสื้อแดงในภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ความพยายามของรัฐบาลส่งผลในทางตรงกันข้าม ชาวบ้านหลายคนปฏิเสธการสื่อสารดังกล่าวว่าเป็นการบิดเบือน และเป็นโฆษณาชวนเชื่อ ซึ่งแกนนำการเคลื่อนไหวให้การสนับสนุนในแนวคิดนี้
จรุงเกียรติ ชัชวัสต์ พ่อค้าแผงอาหารที่ขอนแก่น จังหวัดทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือกล่าวว่า “รัฐบาลมีแต่โกหกประชาชน” “ไม่มีผลอะไรกับผม”
เจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองของกองทัพคนหนึ่งอธิบายว่า การเคลื่อนไหวของเสื้อแดงกำลังขยายตัว “เหมือนไวรัส” ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
เสื้อแดงขยายข่าวของตัวเองโดยการใช้สถานีวิทยุชุมชน และ เมื่อไม่นานนี้ ใช้สถานีโทรทัศน์ดาวเทียม พีทีวี ซึ่งรัฐบาลได้ทำการปิดสถานีเมื่อเดือนที่แล้ว
การรณรงค์ประชาสัมพันธ์ของเสื้อแดงเน้นคำพูดหลักๆบางคำ ที่เห็นได้ชัด “การปฏิบัติสองมาตรฐาน” ในสังคมไทยหมายถึง คนยากจนเปรียบเทียบกับคนรวย และมีเส้น พวกเขายังกล่าวหาถึงความไม่ชอบธรรมของรัฐบาลอภิสิทธิ์ เนื่องจากเป็นรัฐบาลที่ตั้งขึ้นมาหลังจากที่ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิทางการเมืองของนายกรัฐมนตรีจากฝ่ายตรงข้ามถึงสองคน
เสื้อแดงกล่าวว่า พวกเขาต้องการนำประชาธิปไตยอย่างแท้จริงมาสู่ประเทศไทย เป็นกระแสที่ได้รับการตอบรับอย่างดีในภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งชาวนา และชาวบ้านหลายคนรู้สึกว่าเสียงของพวกเขากลายเป็นเสียงใบ้เมื่อเกิดการรัฐประหารของกองทัพในปี ๒๕๔๙
ในกรุงเทพ ยังมีความกังขาในวัตถุประสงค์ของผู้ประท้วง
วรนัย วนิชจักร นักข่าวจากบางกอกโพสต์ เขียนลงบทบรรณาธิการวันอาทิตย์ว่า “นี่ไม่ใช่เกี่ยวกับประชาธิปไตย แต่เป็นเรื่องของอันธพาล” “ไม่มีอะไรมากกว่าการบีบรัฐบาลให้อ่อนข้อกับตัณหา และความต้องการของตัวเองในทุกเรื่อง”
วรนัยชี้แนะว่า การเคลื่อนไหวของเสื้อแดงมาจากความพยาบาทของทักษิณ ชินวัตร มหาเศรษฐีซึ่งถูกปลดจากตำแหน่งนายกฯในการทำรัฐประหารปี ๒๕๔๙ หลังจากคำสั่งศาลอาญาเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ยึดทรัพย์สินจำนวนมหาศาลให้ตกเป็นของรัฐ
แม้จะเป็นการอ้างอย่างคลุมเครือมาโดยตลอด ทักษิณ และฝ่ายสนับสนุนเขายังคงตกเป็นเป้าโจมตีจากสื่อหลายฝ่ายของรัฐบาล ข่าวตัววิ่งบนหน้าจอทีวีเตือนว่า:
“อย่าตกเป็นเครื่องมือ อย่าพาซื่อ และอย่าทำร้ายประเทศชาติ เพียงเพื่อบุคคลเพียงคนเดียว”
พลอยปิติ อมาตย์ธรรม รายงานข่าว
ที่มา http://liberalthai.wordpress.com/2010/05/04/message-battle-heats-up-in-thai-crisis/