Monday, April 19, 2010

ไฟแนนเชียลไทม์: ปิดปากประเทศไทย

Thailand’s silence
April 18 2010
ที่มา – Financial Times
แปลและเรียบเรียง – แชพเตอร์ ๑๑

-------------------------------------------------------------------------------------

รัฐมนตรีต่างประเทศของไทยได้รับใช้ชาติยิ่งชีวิต เมื่ออาทิตย์ที่แล้ว กษิต ภิรมย์เรียกร้องให้มีการถกเถียงอย่างเปิดกว้างในการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ของประเทศไทย การละเมิดข้อห้ามของเขาเกิดขึ้นในเวลาหน้าสิ่วหน้าขวาน แต่ไม่มีเวลาไหนที่จะดีไปกว่านี้อีกแล้ว กษัตริย์ภูมิพล อดุลยเดช ทรงมีพระชนมายุ ๘๒ พรรษา และทรงมีพระพลานามัยที่อ่อนแอ พระองค์ทรงนิ่งเฉยในช่วงเวลาที่เกิดความรุนแรงบนท้องถนนครั้งหลังสุด มีผู้เสียชีวิต ๒๔ ศพ พระปรีชาสามารถของพระองค์ ซึ่งในครั้งหนึ่งได้ทรงแทรกแซงไม่ให้เกิดเหตุลุกลามใหญ่โตในยามที่ชาติเกิดวิกฤติ กลับค่อยๆหมดไป สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ พระราชโอรส และองค์รัชทายาท มิได้ทรงเป็นที่เคารพเต็มเปี่ยมเยี่ยงพระราชบิดา แน่นอนว่า ทรงไม่สามารถทำให้ดีได้มากไปกว่านี้

ความขัดแย้งที่ถูกแสดงออกบนท้องถนนในกรุงเทพเป็นส่วนหนึ่งของการถกเถียงในวงกว้าง แต่โอกาสใดๆที่จะเค้นหาคำตอบอย่างมีเหตุผลเกี่ยวกับระเบียบวิธีตามรัฐธรรมนูญของประเทศไทยนั้น ยังคงมีอุปสรรคเนื่องจากกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพที่งี่เง่า กฎหมายหมิ่นฯนำมาใช้เพื่อปกป้องกษัตริย์จากการถูกหมิ่นฯ แต่พวกเขากลับนำมาใช้ในทางทำลายเพื่อบีบบังคับไม่ให้เกิดการถกเถียงทางการเมือง และปิดปากห้ามการวิจารณ์ใดๆที่ว่า ควรจะหาทางพัฒนาสถาบันอย่างไรเพื่อปรับตัวให้เข้ากับประเทศไทยที่มีประชาธิปไตยมากขึ้น

แม้แต่สัญลักษณ์ของระบอบกษัตริย์ยังถูกนำมาใช้ในทางผิด “เสื้อเหลือง” ของประเทศไทย ซึ่งโอ่อวดตัวเองว่าเป็นพวกผู้คลั่งไคล้ระบอบราชาธิปไตย บุกยึดสนามบินนานาชาติในปี ๒๕๕๑ และรอดพ้นจากบทลงโทษใดๆ เป็นส่วนหนึ่งของการรณรงค์ต่อต้านทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีผู้ถูกปล้นอำนาจจากการทำรัฐประหารปี ๒๕๔๙ เป็นผลเนื่องมาจากการตั้งข้อกล่าวหาทักษิณที่ว่า มีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนให้เป็นระบอบสาธารณรัฐ หนึ่งในข้อกล่าวหาว่าเขาต่อต้านราชวงศ์ เพียงเพราะเขาประกาศใช้นโยบายสวัสดิการสังคมอันเป็นที่นิยมสำหรับภาคเหนือที่ไม่เคยถูกเหลียวแล การกำหนดนโยบายเพื่อสังคมขั้นต่ำให้คนยากจนถือว่าเป็นการข้ามหน้าข้ามตาพระราชกรณียกิจของกษัตริย์ภูมิพล ซึ่งภาพพจน์ประดุจเทพของพระองค์ส่วนหนึ่งมาจากการอุทิศพระองค์เพื่อพระราชกุศล ไม่ว่าใครจะคิดถึงทักษิณอย่างไรก็ตาม หากจะวิจารณ์โดยพื้นฐานเรื่องนี้นับว่าไร้สมอง

พวกคลั่งเจ้ากล่าวว่า ไม่มีข้อสงสัยใดๆที่กษัตริย์ไทยจะทรงเป็นที่สักการบูชา (แต่กฎหมายหมิ่นฯ ทำให้ยากที่จะแน่ใจ) แต่สถาบันไม่ได้แสดงบทบาทที่ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณตามที่อ้างไว้โดยตลอด พระเกียรติคุณของกษัตริย์ในด้านที่ทรงเปี่ยมไปด้วยหลักจริยธรรมยากที่จะประกันต่อเสถียรภาพทางการเมือง: นับตั้งแต่เริ่มมีระบอบกษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญในปี ๒๔๗๕ ประเทศไทยผ่านการทำรัฐประหารที่ประสบความสำเร็จ ๑๑ ครั้ง ใช้รัฐธรรมนูญ ๑๘ ฉบับ และมีนายกรัฐมนตรี ๒๗ คน ศักดินาซึ่งใช้ชีวิตอย่างสะดวกสบายซ่อนตัวอยู่หลังฉากระบอบกษัตริย์ และกองทัพ ที่เอาแต่บ่ายเบี่ยงการถกเถียง ในการที่จะหาผู้แทนตามแนวทางประชาธิปไตยที่แท้จริงได้อย่างไร และสร้างผลิตผลแห่งความก้าวหน้าให้กับสังคมในทุกด้าน

การถกเถียงย่อมหาคำตอบไม่ได้ง่ายนัก แสดงให้เห็นเป็นที่ประจักษ์จากการปะทะกันจนเสียชีวิตเมื่อไม่นานมานี้ แต่หากกฎหมายหมิ่นฯที่พิกลพิการยังไม่ถูกกำจัดออกไป อย่าได้หวังว่าจะมีแม้แต่การเริ่มต้นเลย

------------------------------------------------------------------------------
ที่มา http://liberalthai.wordpress.com/2010/04/19/thailand’s-silence/

No comments:

Post a Comment