ทุกวันนี้รัฐบาลอภิสิทธิ์ยังคงเรียกตัวเองว่าเป็นรัฐบาลประชาธิปไตย แต่ในความจริง ณ วันนี้รัฐบาลอภิสิทธิ์เลวเสียยิ่งกว่ารัฐบาลเผด็จการ เพราะมิเพียงแต่รัฐบาลอภิสิทธิ์ปฎิบัติตนเยี่ยงเผด็จการในการละเมิดสิทธิเสรีภาพประชาชนอย่างกว้างขวางและดำเนินนโยบายผิดพลาดจนนำไปสู่การเสียชีวิตของประชาชนเสื้อแดงและทหารรวม 25 ชีวิต รัฐบาลนี้ก็ยังหน้าด้านเรียกตัวเองว่ารัฐบาลในระบอบประชาธิปไตยและขออยู่ต่อ
การสลายผู้ชุมนุมวันที่ 10 เม.ย.ด้วยการใช้กำลังทหารพร้อมอาวุธสงคราม จนนำไปสู่การสูญเสียและการแทรกแซงจากคนเสื้อดำ ได้ทำให้เกิดคำถามขึ้นมากมายว่า วิธีการที่รัฐบาลปฎิบัติในวันที่ 10 เม.ย. เป็นวิธีการที่รัฐบาล “ประชาธิปไตย” ควรปฎิบัติจริงหรือ
ทำไมปราบในเวลากลางคืน ในเมื่อการปฎิบัติการในเวลากลางคืนเสี่ยงต่อความสูญเสียและมิใช่วิธีที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล
ทำไมถึงไม่ใช้ตำรวจปราบจลาจลก่อน หรือแม้กระทั่งทำไมถึงไม่ใช้หน่วยทหารปราบจลาจลที่ตั้งขึ้นมาเป็นพิเศษหลังเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ 2535
ทำไมถึงยิงแก๊สน้ำตาจากเฮลิคอปเตอร์ลงสู่เวทีและฝูงชนที่ผ่านฟ้าและจุดชุมนุมจุดอื่นราวกับคนเหล่านี้เป็นฝูงสัตว์ถูกไล่ล่าจาก เฮลิคอปเตอร์ แล้วไอ้เครื่องขยายเสียงแรงสูง รวมถึงรถฉีดน้ำใส่ฝูงชน ซึ่งอ้างว่าเป็นสองในเจ็ดขั้นตอนของ ศอฉ. ที่จะสลายม็อบจากเบาไปหนัก เอาไปไว้ไหนล่ะ
รถเกราะที่ถูกล้มและทุบตีจนเสียหายที่ถนนดินสอและบนสะพานปิ่นเกล้าเอาออกมาทำไม แล้วอาวุธหนักที่ถูกฝ่ายเสื้อแดงยึดได้ ซึ่ง ศอฉ. ทวงคืนแล้วแต่อ้างว่ายังทวงคืนไม่หมด เอาออกมาทำอะไร
สิ่งเหล่านี้รวมถึงการปิดสื่อที่เห็นต่างย่อมทำให้น่าสงสัยยิ่งว่ากระบวนการตรวจสอบการใช้กำลังและเสียชีวิต ณ วันที่ 10 เม.ย. จะมีความโปร่งใสและน่าเชื่อถือได้อย่างไรในเมื่อรัฐบาลเผด็จการปัจจุบันไม่ยอมให้ข้อมูลคำโต้แย้งที่เห็นต่างจากเสื้อแดง และจากฝ่ายอื่นที่เห็นต่างแต่อาจมิใช่เสื้อแดง ออกสู่สาธารณะในวงกว้าง
แม้กระทั่งการสลายม็อบวันที่ 10 เม.ย. รัฐบาลก็ยังดัดจริตใช้คำว่า “ขอพื้นที่คืน” ซึ่งจริงๆ แล้วก็ไม่ต่างจากการที่รัฐบาลยังเรียกตัวเองว่าเป็นรัฐบาล “ประชาธิปไตย” ในขณะที่การปฎิบัติกับพลเรือนไทยเป็นไปอย่างเผด็จการเรียบร้อยแล้ว และตอนนี้รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ก็พร้อมที่จะใช้กระสุนจริงในการ “ขอพื้นที่คืน” (และฆ่าผู้ชุมนุมเสื้อแดง) อีกรอบที่สี่แยกราชประสงค์เพื่อรักษา “ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข
No comments:
Post a Comment